วันนี้ไปงานแจ๊สเฟส ที่เมืองเดนฮาก (Den Haag หรือชื่อภาษาอังกฤษ The Hague) งานนี้เขาใช้ #THJ2010 แทน The Hague Jazz Festival 2010 มีเวทีใหญ่ 1 เวที (3 ชั้น) และเวทีย่อยๆ 10 เวที พร้อมวงกว่า 40 วง

เวที Chez Ella กว้างมากๆ วันนี้ดู Wayne Shorter กับ Toots Thielemans

รายละเอียดติดตามได้ที่ http://www.thehaguejazz.com

คร่าวๆ ก่อนนะครับ ตารางวันแรก

ส่วนศิลปินที่มา (เอามาแค่บางส่วนครับ ที่เหลือตามอ่านในเวบ Official)

Artist (บางส่วน) ที่มา #THJ2010

บรรยากาศงาน

จากที่ผมทวิตนะครับ

วันนี้ไป Jazz Fest ที่ The Hague มา วงเพียบ สนุกดี จัดเล็กๆ แต่มี 10เวที 6PM-ตี2 #THJ2010 #iHear

#THJ2010 ที่เฮก Wayne Shorter มาแนวฟรีแจ๊สอ่ะ เกือบแย่ ที่ชอบอีกคน Toots Thielemans เล่น Harmonica สุดยอด #iHear @iPattt @muzikbank

เวทีนอกอีก2 มีTill Bronner มือเป็ดสุดหล่อ เล่นทั้งบู๊ ทั้งหวาน ทั้ง Effect คนละเวทีกับ Candy Dulfer แซกสุดเซ็กซี่ #iHear @iPatttt @muzikbank

CANDY DULFER เล่นที่กรุงเฮก #THJ2010 เล่นแซกกับร้องเพลงมันส์มาก Funkyเพลงเดียวกับที่พี่โก้ชอบเล่น เดี๋ยวเอามาแชร์ cc @kohmrsaxman @muzikbank

Den Haah (The Hague) Jazz Fest #THJ2010 #ihear http://twitpic.com/1vzq8x http://twitpic.com/1vzq79 http://twitpic.com/1vzq5n

แต่งาน #THJ2010 วันนี้ที่ผิดคาดและประทับใจจริงๆ คือ The London Community Gospel Choir เล่นสุดยอดมากคนเต้นกระจุย มีคนแจมร้อง

ส่วนคลิปทั้งหมดต้องรอก่อนนะครับ จะทยอยๆ คัดมาลงให้ครับ

บรรยากาศงานในแต่ละเวที วันแรก

ผมไปเวทีแรก Billie (เวทีทั้ง 11 เวที ตั้งชื่อจากนักร้องนักดนตรีแจ๊ส มาผสมคำกันครับ) วงแรกคือ The All star Jazz Jam:tribute to Miles Davis แบบว่า วงนี้มันส์มาก มี Trombone งอแบบ Dizzy กับ Trumpet สุดเท่ เล่น All Blues แบบ Peak แล้ว Peak อีก คนเต้นกันมากเลยครับ สังเกตว่าเวที Billie นี้ ตั้งกลางแจ้ง วงไหนๆ ที่เล่นก็มันส์ จนไม่มีที่จะยืนครับ

เสร็จแล้ว ผมไปต่อที่ เวที Take the A Train ไม่ค่อยมันส์เท่าไหร่ เลยไปต่อที่ Chez Ella เป็นเวทีใหญ่แบบในรูปแรกครับ เจอตำนานฮาร์โมนิกา อย่าง Toots Thielemans Quartet เข้าไป ถึงกับหายบ้าเลย เล่นพริ้ว เนียน เหมือนจับวาง การ Bend เสียงทำได้อารมณ์มากๆ ครับ นั่งฟังอยู่นานเลย คนก็เยอะมากๆ ล้นออกมาข้างนอก ทำให้คนข้างนอกเริ่มบ่นจนเจ้าหน้าที่ต้องออกไปเตือนครับ

เสร็จไปต่อที่ Nina’s Overnight เจอวงอิเล็กทรอนิคส์ ก็ไม่ค่อยปลื้มครับ ทางเวที Louis’ Basement ก็ไม่มีอะไรเลยขยับมาดูศิลปินที่เคยมาเมืองไทย กับค่าย Hitman อย่าง Rigmor Gustafsson ที่เวที Blakey’s Corner บ้าง เธอร้องได้อารมณ์เลยทีเดียว แล้วก็การ Scat ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทำให้คนดูคึกคัก แถมเป็นเวทีด้านนอก คนก็เป่าปากกันเลย นึกถึงตอนมาเมืองไทย คนดูบ้านเราเรียบร้อยมากๆ ตบมืออย่างเดียว ทางนี้ คนดัตซ์ แบบว่าเต้นๆๆ (อาจเพราะ Lกฮ ในเลือดเริ่มสูง)

เสร็จแล้วผมก็ขึ้นมาชั้นบน เช็กเวที Glenn’s Blue note ที่มี Steve Turre Quinted แซกกับทรัมเป็ตประชันกันไม่มีใครยอมใคร กับเวที Miles’ Home ที่มี Bob Minzter Quartet ผมมาทันฟัง Bebop Special พอดี มันส์มากๆ ทั้งสองห้องนี้ เป็นห้องเล็กๆ เหมาะกับวงเล็ก 4-5 ชิ้นพอดีครับ บรรยากาศชิวๆ แถมข้างนอกมีงานศิลปะภาพถ่าย Portrait หัวข้อ ICON ซึ่งเป็นการเอารูปถ่ายศิลปินดังๆ อย่าง Miles มาจัดเป็น Gallery พร้อมกับบาร์เครื่องดื่ม (อีกแล้ว ที่นี่มีขายทุกเวที ต้องไปแลกคูปอง..จริงๆ เป็น Chip แบบในคาสิโน)

อีกสองห้อง ยิ่งเล็กกว่า เป็นห้องเดี่ยวเอามา Partition เป็นสองห้อง เรียก Chet 1 กับ Chet 2 ผมมาฟังตอนท้ายๆ เรียกว่า Jam Session แต่ที่นั่งที่นี่น่ารักมากๆ เป็นหมอนอิง แบบ Bean Pillow นอนฟังกันเพลินๆ อาจหลับได้

ออกมากโถงกลางก็มีของขายมากมาย ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องดนตรีจาก Adams (ทรัมเป็ต 2500-3000 Euro แพงมาก แต่สวยสุดๆ) ซีดี หนังสือ แผ่นเสียง ซุ้มถ่ายรูป (มีเครื่องดนตรีให้ถือด้วย น่ารักดี) แล้วก็มีร้านอาหาร และเวทีเล็กๆ มากมาย ที่ศิลปิน No Name (เพราะเขาไม่ได้ลงในสูจิบัตร) แต่ก็เล่นเก่งนะ มีวงเด็กด้วยครับ

พอลงมาใต้ดินอีกที ก่อนลงก็มีเวที Mariska เป็นเวทีเล็กๆ แต่เอาวงใหญ่ๆ มาลง พวก Bigband น่ะครับ ส่วนพอลงมาใต้ดินจริงๆ มี Louis กับ Nina เนี่ย แล้วแต่วง บางวงก็ Elec จ๋า เล่นชั้นใต้ดินเพดานต่ำ เสียงก็ตึ่บๆๆๆ

ผมนั่งพัก หาอะไรทานรองท้อง แล้วกลับขึ้นไปเพื่อดูคอนเสิร์ตใหญ่ประจำวัน ซึ่งถ้าเสียอีก 5 Euro จะได้จองที่นั่ง แต่ไม่เป็นไร เราตีตั๋วยืน ใครลุกเราเสียบ เข้ามาในเวที Chez Ella (ที่นี่เขาติดป้ายบอกทางดีมากครับ ตัวใหญ่ แยกสีชัดเจน มีเด็กคอยจัดคนเข้าออก) ผมนั่งฟังสุดยอดมือแซก Wayne Shorter แต่ก็พบว่า นี่มัน Free Jazz นี่นา แต่เล่นเพราะมากครับ แต่ผมไม่สามารถอัดวีดีโอได้ เพราะยาวมาก และต้องใช้สมาธิทั้งหมดในการฟังครับ

หลังจากนั้นผมก็ออกมาเพื่อพบกับ Funky Saxophone พอขึ้นมาปุ๊บ เพลงพี่โก้ นี่นา เป็นเพลงที่พี่โก้ชอบเล่นครับ เธอหยิบเพลงนี้มาเล่น แล้ว Trade กับกลอง แบบว่า เอาตายเลย อัดมาด้วย เดี๋ยวเอามาลงให้ฟังครับ

เสร็จแล้ว ผมก็ไปที่ Till Bronner มือทรัมเป็ตชาวเยอรมันที่ไปดังในอเมริกา ผมเคยฟังเขาเมื่อสักสิบปีก่อนที่เกอร์เต้ เป็นการเจอโดยบังเอิญ แต่คราวนี้ เขากลับไม่แก่ลง แถมผอมลงไปอีก เสียงงี้สุดยอดมาก เพลงแรกๆ เล่นบู๊จนคนเต้นกระจาย สไตล์เวทีด้านนอก ที่สูบบุหรี่ เต้นได้ พอเพลงสาม หยิบ Effect มา แล้วเล่นเนียนๆ แบบ Chet Baker แบบว่า ถ้าเขาเกิดเป็นคนเมกันนะ Chris Botti ก็เหอะ

เริ่มเหนื่อยๆ ก็เดินไปเดินมา ฟัง Jam Jazz บ้าง อะไรบ้าง จนมาหยุดกับวงคนดำ ที่ดูเหมือนเมกัน แต่ไม่ใช่แฮะ เป็นคนอังกฤษ วง London Community Gospel Choir หรือ LCGC ที่เป็นวงนักร้องผิวดำส่วนใหญ่กว่า 10 คน และ Rhythm จะบอกว่า นี่มันกำเนิดเพลง Soul ชัดๆ ร้องออกจากจิตวิญญาณเลย เป็น Spiritual มากๆ ครับ วงนี้เอาคนดูอยู่เลย แถมเป็นเพลงคริสเตียนด้วย ตอนที่ร้อง Amazing Grace แล้วให้คนดูขึ้นมาร้อง เธอเป็นฮังกาเรียน ก็ยังร้องสไตล์คนดำ แบบว่า ได้อารมณ์สุดๆ ทุกคนลุกขึ้นตบมือ และเต้น พร้อมกับเสียงอังกอร์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ผมชอบเวทีชั้นใต้ดินนี้เลยล่ะ เพราะเสียงเบสตึ๊บดีครับ ลืมบอกไปว่า ที่นี่ ทุกเวที เสียงจะไม่ดังมากจนหูแตกเหมือนบ้านเราครับ บางทีอยู่หลังๆ หน่อยก็ไม่ได้ยินแล้ว ต้องเข้ามาใกล้ๆ ฟังเสียงสดด้วยครับ ได้อารมณ์ดี

คลิป Amazing Grace โดยวง LCGC

ความไม่ประทับใจ

ก็มีบ้างนะครับ อย่างแรกเลย คือ เวทีกลางแจ้ง สูบบุหรี่กันสุดยอด เพราะว่าอากาศหนาวครับ ขนาดมีผ้าใบยังเอาไม่อยู่ ยิ่งหลังเที่ยงคืน ยิ่งแล้วใหญ่เลย

สอง คือ เรื่องเครื่องดื่ม อาหาร ห้องน้ำ ครับ ถึงแม้ว่าไม่แพงถ้าเทียบกับอาหารข้างนอกของชาวดัตซ์ (ซึ่งแพงเป็นเรื่องปกติ) แต่เก็บหมดทุกอย่าง ห้องน้ำ 50ct แต่ก็นะ เป็นเรื่องปกติไปแล้ว สำหรับที่นี่ครับ ขนาด ไก่ KFC ยังไม่แถมซอส ต้องซื้อต่างหากเลย นับประสาอะไร

การจัดคนเข้าออกในแต่ละเวที อย่างเวทีใหญ่ มักมีปัญหาคนเดินเข้าออก และยืนบัง คนเนเธอร์แลนด์สูงสุดๆ อยู่แล้ว ยืนทีก็บังเรียบครับ แต่เขาก็พยายามหลบๆ ให้นะครับ ถือว่าค่อนข้างมีมารยาท แต่ถ้าเวทีไหน คนเยอะจริงเนี่ย มึนเลยครับ มืดแปดด้านเลยเรา