History 7: ประวัติและผลงาน Richard Wagner

Date: 20 February 2010 Category: เรียนดนตรี Tag: , ,

วันนี้ขออีกสักบล็อกเรื่อง History ครับ จริงๆ อันนี้เป็น term paper ครับ แต่ต้องย่อยข้อมูลลงมาก่อน อาจจะยังไม่สมบูรณ์นะครับ คงค่อยๆ ทำ เรื่องที่ผมได้รับคือ Richard Wagner ซึ่งเป็นนักดนตรีและนักแต่งอุปรากรคนสำคัญ เขาได้รับอิทธิพลของ Beethoven แต่ความเป็นตัวของตัวเอง ทำให้เขาสร้างงานที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นเรื่องที่ต้องเรียน อย่างอุปรากร (Opera) เรื่อง ทริสตาลอุนด์อิโซลด์ หรือ Tristan und Isolde ซึ่งเป็นเรื่องที่มีลักษณะเป็น โศกนาฏกรรม พระเอกนางเองไม่สมหวังในความรัก คล้ายเรื่อง โรมิโอ-จูเลียต ครับ

Richard Wagner

Richard Wagner

Tristan and Isolde มีเป็นภาพยนต์แล้วแต่เพลงไม่ใช่ของวากเนอร์นะครับ

Tristan and Isolde มีเป็นภาพยนต์แล้วแต่เพลงไม่ใช่ของวากเนอร์นะครับ

แหล่งข้อมูล

ทวี มุขธระโกษา, นักดนตรีเอกของโลก เล่ม 2 (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ สถาพรบุ๊คส์ 2551.

นักดนตรีเอกของโลก เล่ม 2 ทวี มุขธระโกษา

อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
ถึงมนุษยครุฑาเทวราช จตุบาทกลางป่าพนาสินซิ
แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน ก็สิ้นสุดโทโสที่โกรธา

สุนทรภู่

Short Note: ริชาร์ด วากเนอร์

เกิด ไลพ์ซิก เยอรมนี 22/5/1813 – เสียชีวิต เวนิส อิตาลี 13/2/1883

ชีวิตของเขาถือว่าระเหเร่ร่อน เขาเป็นนักดนตรี นักแต่งอุปรากร (Opera) เดิมชื่อ Wilhelm Richard Wagner ต่อมาจึงตัดคำว่า Wilhelm ตอนอายุ 20 ปี เขาเป็นบุตรคนที่ 9 มารดา Johanna Nee Patz บิดาของท่านชื่อ Karl Fredrich Wilhelm Wagner เป็นเสมียนศาล แต่เสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุได้ 6 เดือน เขาจึงอพยพไปเมือง Dresden ในปี 1814 มารดาเขาแต่งงานใหม่กับ Ludwig Gayer เป็นจิตกรและนักละคร ทำให้เขาชอบละครเป็นอันมาก ต่อมาปี 1821 พ่อเลี้ยงเสียชีวิต ได้น้องของเกเยอร์ส่งเสียท่านให้ไปเรียน โรงเรียน Kreuzschule ท่านได้ศึกษา บทละครกรีก (Greek Tragedies) โดยเรียนเปียนโนกับ Humann วากเนอร์ชอบอุปรากร (ละครเพลงร้อง) มาก พี่สาวทั้งสองของท่าน ทั้ง Clara และ Rosalie ก็เป็นนักร้องด้วย ในช่วงที่อยู่ที่เดรสเดน วากเนอร์ศึกษาวรรณกรมม Hamlet, Macbethh, King Kear และแต่งบทเพลง Leubald รวมทั้งศึกษางานของบีโทเฟ่นและเกอเต้ (Goethe)

วากเนอร์กลับมาที่เมืองไลพ์ซิก (Leipzig) เรียนต่อที่ St. Nicholus School ที่นั่นเขาได้เขียน Overture in Bb Major (1830) โดยได้จากแรงบันดาลใจของบีโทเฟ่น และเรียนเขียนเพลงกับ Theodor Weinlig ที่ Leipzig University และได้แต่ง Overture In D minor ช่วงนั้นท่านท่องเที่ยวในปราก เวียนนา เขียนอุปรากรเรื่องแรก Die Hochzeit (The Wedding) แต่ไม่สำเร็จจึงเผาทิ้ง แล้วเขียนใหม่ เรื่อง Die Feen (The Fairies) เสร็จในปี 1834 ขณะที่ท่านอายุ21 ปี เป็นหัวหน้า วง Magdeburg และพบรัก Minna Planer นักแสดงสาว

ปี 1835 วากเนอร์ได้แสดง Columbus Overture, ปีต่อมา 1836 แสดง Das Liebesverbot แล้วจึงแต่งงานกับมินนา แต่วากเนอร์ก็ยากจน และมีหนี้มาก จึงหนีไปเมืองริกา (Riga) เป็น Conductor แต่ทะเลาะกับผู้จัดการ โรงละครอุปรากร จึงต้องระหกระเหินหนีไปปารีส ในปี 1839 ทางเรือ ที่นั่นท่านได้ฟังนิยายปรัมปราของชาวดัทซ์ จึงเขียนเพลง The Flying Dutchman (Der fliegende Hollander)แต่ไม่ได้แสดง จนได้รับการอุปภัมป์ จากกษัตริย์ King of Saxony ในที่สุดบทเพลง Flyin Dutchman และเรื่อง Rienzi ก็ได้แสดงอีกครั้งในปี 1843

เพลงของวากเนอร์ มีลักษณะขึ้นลงเหมือนชีวิตเขาที่ไม่แน่นอนแล้วแต่สวรรค์จะบันดาล แต่เขาไม่ยอมแพ้ชะตาชีวิต ปี 1845 เขาเขียน Tannhauser เป็นอุปรากรที่ไม่สำเร็จ และเขียน Lohengrin (1847) วากเนอร์เข้าร่วมปฏิวัติในเยอรมันแต่แพ้จึงหนีไปหาเพื่อนเขาชื่อลิสต์ List ที่สวิส ได้ความช่วยเหลือจาก OttoWesendonk และ Mathilde (สวย มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับวากเนอร์) นอกจากนี้ยังเจ้าชู้กับคนอื่นๆ ด้วยอย่าง Judith Gautier, Mathilde Wesendonk

บทเพลง Lohingren นั้นเขามอบให้ลิสต์แสดงที่ Weimar ในปี 1850 โคสิมา (Cosima) เป็นลูกสาวของลิสต์ ซึ่งวากเนอร์และโคสิมาเองก็รักกันแต่ทั้งสองแต่งงานแล้ว สุดท้าย โคสิมาหย่ากับสามี ในขณะที่ มินนา ภรรยาของวากเนอร์เสียชีวิต ทั้งสองจึงแต่งงานกันในปี 1870 ขณะที่เขามีอายุ 57 ปี และมีลูกสามคน ท่านแต่งเพลง Siegfried Idyll ให้โคสิมาจนโด่งดังทำให้สามารถกลับมากที่เยอรมันได้อีกครััั้ง อุปรากรอีกเรื่องที่มีชื่อเสียงนอกจาก Tannhauser คือ Tristan and Isolde

เพลงวากเนอร์ เอาแต่ใจตัวเอง Tannhauser นั้นตัวแสดงที่แสดงเป็น Venus ร้องไม่ได้ บางครั้งต้องหาตัวใหม่เพราะเขาไม่ยอมใคร วากเนอร์เขียนเรื่องสุดท้าย Parsifal (1882) เปิดการแสดงที่ Festival Theatre ในเมืองไบรอยธ์ (Bayreuth) ประสบความสำเร็จงดงาม และมีผู้สร้างบ้าน Wahnfried ให้เขา วากเนอร์เสียชีวิตหลังจากเดินทางไปเวนิสในวันที่ 13 ก.พ. 1883 ศพเขาถูกฝังที่สวนในบ้าน Wahnfried ที่เมือง Bayreuth ต่อมาปี 1930 จึึงได้นำศพภรรยาคนที่สองมาฝังด้วยกัน

Credit

blog นี้ เป็นส่วนหนึ่ง ของ วิชา MUS602 MUSIC SINCE 1900 ดนตรีก่อน ค.ศ. 1900 ซึ่ง ครอบคลุม ตั้งแต่ดนตรีในยุคกลาง (Medieval), เรเนซอง (Renaissance), บาโรค (Baroque), คลาสสิก (Classic), โรแมนติก (Romantic) แต่ไม่รวมถึง ดนตรีในศตวรรษที่ 20 (Twenty century music) นะครับ วิชานี้ สอนโดย อ.หง่าว บุญรัตน์ ศิริรัตนพันธ์

Blog ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

History 1: Ambrosian Chant เพลงโบสถ์ยุคกลาง นักบุญอัมโบรส
History 2: โด๊-เร-หมี่ ซ่อนหล่า มาไง มารู้จัก Guido d’Arezzo กัน
Histroy 3: Zarlino, Gioseffo
History 4: Martin Luther’s hymns, A Mighty Fortress Is Our God” (G: Ein’ feste Burg ist unser Gott)
History 5: Chaconne, Passacaglia
History 6: Alessandro Scarlatti
History 7: ประวัติและผลงาน Richard Wagner
History 8: ประวัติและวรรณกรมดนตรีก่อนปี ค.ศ. 1900

มี 2 ความคิดเห็น สำหรับ “History 7: ประวัติและผลงาน Richard Wagner”

  1. อุปรากร Les Huguenots & Grand Opera ของ Giacomo Meyerbeer | Plajazz

    […] Ein’ feste Burg ist unser Gott) History 5: Chaconne, Passacaglia History 6: Alessandro Scarlatti History 7: ประวัติและผลงาน Richard Wagner History 8: ประวัติและวรรณกรมดนตรีก่อนปี […]

  2. Histroy 3: Zarlino, Gioseffo | Plajazz

    […] Ein’ feste Burg ist unser Gott) History 5: Chaconne, Passacaglia History 6: Alessandro Scarlatti History 7: ประวัติและผลงาน Richard Wagner History 8: ประวัติและวรรณกรมดนตรีก่อนปี […]

ทักทาย

หากต้องการให้มีรูปอวตาร (avatar) ประจำอีเมล กรุณา สมัครที่ Gravatar